หน้าพาทย์ที่ใช้สำหรับการรื่นเริงสนุกสนาน
กราวรำ
ใช้สำหรับการแสดงในความหมายเยาะเย้ยหรือฉลอง
ความสำเร็จ หรือสนุกสนานได้ชัยชนะ
สีนวล
ใช้สำหรับท่วงทีเยื้องยาตรนาดกราย หรือความรื่นเริงบันเทิงใจของอิสตรี
เพลงช้า เพลงเร็ว
ใช้สำหรับการเบิกบานในการไป มาอย่างสุภาพ งดงามและแช่มช้อย และเมื่อไปถึงที่หมายแล้วจะบรรเลงเพลงลา
โดยปกติ เพลงเร็ว ลา เป็นเพลงที่ใช้ประกอบการแสดงตอนขึ้นเฝ้า เป็นต้น
๓. หน้าพาทย์ที่ใช้สำหรับการจัดทัพและตรวจพล เช่น
กราวนอก
ใช้สำหรับการตรวจพลยกทัพของมนุษย์ และวานร
กราวใน
ใช้สำหรับการตรวจพลยกทัพของฝ่ายยักษ์
กราวกลาง
ใช้สำหรับการตรวจพลยกทัพของมนุษย์ ในการแสดงละคร
ใช้สำหรับการจัดทัพของแม่ทัพนายกองฝ่ายพระราม
คือ สุครีพ ฝ่ายทศกัณฐ์ คือ มโหทร
๔. หน้าพาทย์ที่ใช้สำหรับการต่อสู้และติดตาม
เชิดกลอง
ใช้ในการนำทัพ หรือการต่อสู้ทั่วๆ ไป
เชิดฉิ่ง
ใช้ในการค้นหา การลอบเข้าออกในสถานที่ใดที่หนึ่ง
การไล่หนี จับกัน การเหาะลอยไปในอากาศ และการใช้อาวุธแผลงศร ขว้างจักร เป็นต้น
เชิดนอก
ใช้ประกอบกิริยาตัวละครที่มิใช่มนุษย์ ตามจับกัน เช่น
หนุมานจับเบญกาย หนุมานจับสุพรรณมัจฉา ฯลฯ
๕. หน้าพาทย์ที่ใช้สำหรับการนอน การอาบน้ำ การกิน เช่น
ใช้สำหรับการนอน
ตระนารายณ์
บรรทมสินธุ์
ลงสรง
เซ่นเหล้า
ใช้สำหรับพระนารายณ์นอน
ใช้สำหรับการนอนของตัวละครที่ค้างแรมในป่า
ใช้สำหรับการอาบน้ำ
ใช้สำหรับประกอบการกินอาหาร ดื่มสุรา และใช้ในพิธีไหว้ครูโขน ละคร
๖.
รายชื่อเพลงหน้าพาทย์ - วิกิพีเดีย
เราอ่านเรื่องนี้ไปนานมาก และจำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว
ที่จำได้คือ
"พระเอกของเรื่องเป็นแวมไพร์ที่นิสัยจะเปลี่ยนไปตามกรุ๊ปเลือดที่ดื่ม อย่างเช่น ดื่มกรุ๊ปAก็เปลี่ยนนิสัยเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อยไปเลย"
แนวเรื่องค่อนข้างจะตลกเฮฮา เราจำได้แค่นี้ อยากอ่านอีกค่ะ ใครพอรู้จักบ้างคะ🥺
แสดงความคิดเห็น
ตามนางกลางไพร
เนื้อเพลง แสงจันทร์ - มาลีฮวนน่า
เพลงที่ใช้ในการต่อสู้ มีเชิดกลอง เชิดนอก เชิดฉิ่ง (แผลงศร)
๖. แสดงความรัก ใช้เพลงกล่อม เพลงโลม
๗. เมื่อจะนอน ใช้เพลงลงสรงโทน ตระนอน ชมตลาด ตระบรรทมไพร
อาภรณ์ และ จาตุรงค์ มนตรีศาสตร์ จัดเพลงหน้าพาทย์ที่ใช้ในโอกาสต่าง ๆ ไว้ในหนังสือ
วิชาชุดครูประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาของคุรุสภา วิชานาฏศิลป์ ดังนี้
๑. หน้าพาทย์ประกอบกิริยาไป มา กิริยาที่ไป มานั้น ต้องการที่จะไป มาอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน มักจะนิยมใช้เพลงเสมอ ถ้าหากจะไปอย่างรีบร้อนและระยะทางไกลมักจะใช้เพลงเชิด ถ้าการเดินทางไปทางอากาศมักจะใช้เพลงเหาะ หรือโคมเวียน ตัวอย่าง
เช่น ระบำดาวดึงส์ หรือ ย่องหงิด ระบำทั้งสองชนิดเป็นการแสดงการฟ้อนรำของเทวดานางฟ้า ฉะนั้นเพลงที่รำออกจึงใช้เพลงเหาะ
และเพลงโคมเวียน ส่วนกิริยาอาการไปมาของสัตว์ เช่น นก มักนิยมใช้เพลงแผละ แต่ถ้ากิริยาไปมาของคนศักดิ์ต่ำ เช่น นางกำนัลมักใช้เพลงชุบ
๒. หน้าพาทย์ประกอบการยกทัพ หรือแสดงความพร้อมเพรียงเป็นหมู่คณะ มักใช้ เพลงกราว ในการแสดงโขนมักนิยมใช
้เพลงกราวนอกสำหรับการยกทัพของทัพลิง ส่วนยักษ์มักใช้เพลงกราวใน
๓. หน้าพาทย์ประกอบความสนุกสนานรื่นเริงในทำนองเยาะเย้ย มักใช้เพลงกราวรำ ถ้าแสดงความรื่นเริงธรรมดามักใช้เพลงสีนวล
เพลงช้า เพลงเร็ว แต่ถ้าแสดงความภาคภูมิใจในความงามมักใช้เพลงฉุยฉาย และเพลงแม่ศรี
๔.
หน้าพาทย์ประกอบการแสดงฤทธิ์เดช โดยทั่วไปใช้เพลงรัว แต่ในบางครั้งก็ต้องใช้เพลงหน้าพาทย์ชั้นสูง เช่น ตระนิมิต
ใช้ในโอกาสที่มีการแปลงกาย และคุกพาทย์แสดงมหิทธิฤทธิ์
๕. หน้าพาทย์ประกอบการต่อสู้ โดยทั่ว ๆ ไปใช้เพลงเชิดกลอง เชิดฉิ่ง เชิดนอก (เกี่ยวกับการหนีไล่)
๖. หน้าพาทย์ประกอบการแสดงอารมณ์ ที่ใช้โดยทั่วไป ใช้เพลงโลมและเพลงกล่อมสำหรับอารมณ์รัก
ถ้าเป็นหน้าพาทย์ประกอบการแสดงกิริยาร้องไห้คร่ำครวญหรือตายก็ใช้
๗. หน้าพาทย์เบ็ดเตล็ด เช่น การนอนใช้เพลงตระนอน ส่วนการอาบน้ำมักใช้ เพลงลงสรง เป็นต้น
ตามนางกลางไพร หยาด นภาลัย
ประเภทเพลงครู ได้แก่ เพลงหน้าพาทย์ต่างๆ ที่ระบุไว้ในตำราซึ่งว่าด้วยการไหว้ครูของนายธนิต อยู่โพธิ์ (อดีตอธิบดีกรมศิลปากร)
ที่มีการเรียงลำดับความสำคัญไว้ ดังนี้
- สาธุการ
- เพลงเชิดตระ
- เชิดเพลงเหาะ
- ตระประโคมทัพ
- โหมโรงเช้า
- เพลงเร็ว
- แผละ
- เสมอ
- รัวสามลา
- ลงสรงทรงเครื่อง
- รำดาบ
- เซ่นเหล้า
- ตระสันนิบาต
- กราวรำ
- เชิดกลอง
แต่ปัจจุบันนี้เพลงประกอบการไหว้ครู ได้เรียกเพลงหน้าพาทย์มากกว่านี้ จะกล่าวถึงต่อไป
ข. เพลงหน้าพาทย์พิเศษ ได้แก่ เพลงที่อยู่นอกตำราไหว้ครู ใช้ประกอบการแสดงโขน ละคร และอื่นๆ เช่น
- เพลงพญาเดิน
- เพลงดำเนินพราหมณ์ เป็นต้น
ค. เพลงโหมโรง ได้แก่
- เพลงโหมโรงเช้า
- โหมโรมกลางวัน
- โหมโรมเย็น สำหรับเพลงโหมโรงนี้จะกล่าวถึงต่อไป
นอกจากจะแบ่งไว้เป็นประเภทแล้วยังแบ่งไว้อีกเป็นโอกาสที่ใช้เพลงไหนอีกด้วย
๑.
สาธุการ - ใช้ในการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
2. สาธุการกลอง - ใช้ในการบูชาครูและเทพเทวดา
3. ตระสันนิบาต - ใช้ในการเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประชุมพร้อมกัน ณ ปะรำพิธี
4. ตระเชิญ - ใช้ในการเชิญเทพยดาต่างๆ
5. โหมโรง - ใช้ในการเชิญเทพยดา ความหมายเทียบเท่าโหมโรงเย็น
6. พราหม์เข้า, ดำเนินพราหมณ์ - ใช้ในการเชิญ พระภรตมุณี (พ่อแก่) และ ฤๅษีต่างๆ
7. เสมอเถร - ใช้ในการรำของผู้ประกอบพิธีที่จะสมมุติเป็น พระภรตมุณี (พ่อแก่)
8. ตระนารายณ์บรรทมสินธุ์ - ใช้ในการเชิญ พระนารายณ์
9. ตระ พระพิฆเนศ - ใช้ในการเชิญ พระพิฆเนศ เทพแห่งความสำเร็จ
10. ตระพระปรโคนธรรพ - ใช้ในการเชิญพระปรโคนธรรพ เทพแห่งดนตรี ปี่พาทย์
11. บาทสกุนี(เสมอตีนนก) - ใช้ในการเชิญ พระวิศนุกรรม เทพแห่งการช่าง
12. องค์พระพิราพเต็มองค์ - ใช้ในการเชิญ พระพิราพ เทพแห่งการรำ ถือเป็นเพลงหน้าพาทย์สูงสุดของวงการนาฏดุริยางคศิลป์ การที่จะต่อเพลงนี้ได้นั้นมีกฎเกณท์อยู่หลายประการ
13. รำดาบเฉือน หมู - ใช้ในการตัดแบ่งเครื่องสังเวยต่างๆไปให้แก่สัมภเวสีที่ไม่สามารถเข้ามาในปะรำพิธีได้
14. นั่งกิน, เซ่นเหล้า - จะเรียกเพลงคู่กัน ใช้ในการถวายเครื่องสังเวยแก่ครูบาอาจารย์ ตลอดจนเทพยดาทั้งหลาย เปรียบเสมือนการรับประทานอาหารและการดื่มสุรา
15.
- ตามหามังงะ - Pantip
- ลักษณะของเพลงหน้าพาทย์
- รูปภาพ น้ํา แข็ง ใส เกล็ด หิมะ